ยูกิโอเป็นการ์ดเกมชนิดหนึ่งที่ต้นกำเนิดมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีชื่อเรื่องว่า ยูกิโอ โดยในขณะนี้ ยูกิโอดำเนินเรื่องมาถึงซีรี่ย์ที่ 3 แล้ว ซึ่งกืคือ Yu-Gi-Oh! 5D’s
ในการ์ดเกมนี้ ผู้เล่นจะถูกเรียกว่า ดูเอลลิสต์ โดยจะใช้การ์ดมอนสเตอร์, การ์ดเวทย์มนต์ และ การ์ดกับดัก ในการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม จนกว่าพลังชีวิต (ไลฟ์พ็อยต์) ของคู่ต่อสู้จะเป็น 0 หรือจะมีวิธีเอาชนะแบบพิเศษอื่นๆ
หนังสือกฎ เล่มนี้จะสามารถทำให้ผู้เล่นได้ทำความเข้าใจกับกฎพื้นฐานเบื้องต้นรวมถึงศัพท์เฉพาะในการ์ดเกมยูกิโอนี้ได้เป็นอย่างดี
About the Game (เกี่ยวกับตัวเกม)
สร้างเด็คของเราขึ้นมา!!
เราสามารถสร้างเด็คขึ้นมาจากการ์ดนับเป็นพันๆ ชนิด โดยการ์ดหลายใบจะมีกลุ่มหรือธีมเดียวกัน เราจึงสามารถเลือกจัดการ์ดแบบที่เราชื่นชอบหรือเลือกธีมเด็คที่ถูกใจได้ ซึ่งดูเอลลิสต์แต่ละคนจะมีเด็คเป็นแบบฉบับของตนเอง จึงเกิดความสนุกและตื่นเต้นในการจัดเด็คขึ้นมานี่เอง
Battle with Fantastic Monsters & Make Great Combos
(ต่อสู้กับไปกับมอนสเตอร์ในจินตนาการ & สร้างคอมโบอันแข็งแกร่ง)
การ์ดบางใบอาจจะแสดงประสิทธิภาพไม่ได้มาก แต่ถ้าหากนำการ์ดใบดังกล่าวไปเล่นผสมผสานกับการ์ดอีกใบแล้วล่ะก็ อาจจะเกิดคอมโบอันรุนแรงได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สนุกอีกจุดในการที่เราจะคิดคอมโบในเด็คของเราขึ้นมาด้วยตัวเอง
Power up your Deck with Booster packs and Structure Deck
(เพิ่มพลังเด็คของเราด้วยแพ็คบูสเตอร์และสตรัคเจอร์เด็ค)
บูสเตอร์แพ็คและสตรัคเจอร์เด็ค จะออกวางจำหน่ายชุดใหม่ๆ ในทุกๆเดือน เราสามารถนำการ์ดใหม่ๆ มาเพิ่มพลังเด็คของเรา หรือ คิดคอมโบใหม่ๆ จากการ์ดใบใหม่ โดยการ์ดเกมจะพัฒนาขึ้นตลอดเวลา ไม่มีวันหยุด ซึ่งจะมีเด็คและธีมใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย จึงทำให้การดูเอลนั้น จะมีความแปลกใหม่ และสร้างความน่าตื่นเต้นและสนุกสนานต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น
Deck 40-60 Cards (เด็ค)
การ์ดในกองของเรา
• เด็คต้องมีการ์ดอย่างต่ำ 40 ใบ หรือไม่มากกว่า 60 ใบ
• เราสามารถใส่การ์ดชื่อซ้ำกันได้มากสุด 3 ใบ
* อาจจะมีการ์ดบางใบที่ห้ามใส่ไว้ในเด็คหรือถูกจำกัดการใช้งานด้วย *
Main Deck 40-60 Cards (เมนเด็ค)
เด็คหลักของเราโดยเราจะใช้เด็คหลักของเราเล่นในเกมแรกของ แต่ละ Match ของในแต่ละ Duel
Extra Deck 0-15 Cards (เอ็คซ์ตร้าเด็ค)
ในเอ็คซ์ตร้าเด็คนี้จะประกอบด้วยมอนสเตอร์ฟิวชั่นและมอนสเตอร์ซิงโครเท่านั้น ซึ่งสามารถใช้ได้ในระหว่างดำเนินการเล่น
• เราสามารถมีมอนสเตอร์ในเอ็คซ์ตร้าเด็คได้ 0-15 ใบ
• การ์ดในเอ็คซตร้าเด็คนั้นจะไม่ถูกนับรวมกับเมนเด็ค
Side Deck 0-15 Cards (ไซด์เด็ค)
ไซด์เด็คเป็นอีกหนึ่งเด็คที่เราสามารถทำการเปลี่ยนการ์ดจากเมนเด็คหรือเอ็คซ์ตร้าเด็ค ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนการ์ดจากในเมนเด็คของเราได้อย่างอิสระ โดยการเปลี่ยนไซด์เด็คนี้จะสามารถใช้สิทธิ์นี้ได้ในเกมที่ 2 หรือ เกมที่ 3 ใน 1 แมตช์ (ไม่สามารถทำการเปลี่ยนไซด์เด็คได้ในเกมแรกของแต่ละแมตช์ ) และ การเปลี่ยนไซด์เด็คนั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนให้เด็คมีจำนวนการ์ดเท่าเดิม ห้ามขาด ห้ามเกิน และจำเป็นต้องเปลี่ยนการ์ดกลับไปเป็นเมนเด็ค ก่อนที่การแข่งในแมตช์ต่อๆ ไป จะเริ่มขึ้น
Duel Item (อุปกรณ์สำหรับการ Duel)
1. Coin (เหรียญ) มีเอฟเฟคการ์ดบางใบที่จำเป็นต้องใช้ในการทอยเหรียญหัวก้อย
2. Dice (ลูกเต๋า) เช่นเดียวกับเหรียญเอฟเฟคการ์ดบางใบจำเป็นต้องใช้ลูกเต๋าในการทอย เพื่อการประมวลผล (ลูกเต๋าที่ระบุนี้ หมายถึง ลูกเต๋าแบบ Standard 6 หน้า)
3. Counter (เม็ดเคาท์เตอร์) เอฟเฟคการ์ดบางใบต้องการสิ่งสมมติที่สามารถบ่งบอกค่าสะสม ของการ์ดนั้นได้ โดยเราสามารถนำเหรียญหรือพลาสติกเล็กๆ มาวางบนตัวการ์ดที่สามารถเก็บเม็ดเคาท์เตอร์เพื่อบ่งบอกค่าสะสมได้นี่เอง
4. Monster Token (มอนสเตอร์โทเค่น) โทเค่นเป็นมอนสเตอร์ชนิดหนึ่งที่ถูกสร้างจากเอฟเฟคของการ์ดซึ่งจะไม่มีรูปร่างของการ์ดจริง เราจึงต้องใช้สิ่งสมมติเป็นตัวแทนของมอนสเตอร์โทเค่นนั้นๆ อุปกรณ์สำหรับแทนโทเค่นที่ดีนั้น ควรจะบ่งบอกสภาพของมอนสเตอร์ได้อย่างชัดเจน (ตั้งโจมตีหรือตั้งป้องกัน)
5. Calculator (เครื่องคิดเลข) อุปกรณ์สำหรับช่วยการคิด Life Point ได้อย่างสะดวก
6. Card Sleeves (ซองใส่การ์ด) อุปกรณ์ที่สามารถช่วยป้องกันรอยขีดข่วนหรือการหักได้ แต่ซองที่ใส่จำเป็นต้องเป็นลายแบบเดียวกันหมดทั้งเด็ค และต้องไม่มีรอยบ่งชี้เฉพาะหรือรอยตำหนิใหญ่
Duel Field (สนามดูเอล)
สนามดูเอลเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้การดูเอลของเราเป็นระเบียบแบบแผน ดูเรียบร้อยมากขึ้นโดยสนามดูเอลนี้จะมีช่องบ่งบอกตำแหน่งของการ์ดชัดเจนว่าอยู่ตำแหน่งใด ซึ่งในแต่ละช่องจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. Monster Card Zone (โซนการ์ดมอนสเตอร์)

ช่องนี้เป็นช่องที่เราจะทำการส่งมอนสเตอร์ลงบนสนาม เราสามารถมีมอนสเตอร์ได้มากสุดเป็นจำนวน 5 ตัว และ สภาพรูปแบบของมอนสเตอร์จะมีอยู่รูปแบบดังนี้
สภาพหงายหน้าตั้งโจมตี

สภาพหงายหน้าตั้งป้องกัน สภาพคว่ำหน้าตั้งป้องกัน

2. Spell and Trap Card Zone (โซนการ์ดเวทย์มนต์กับดัก)

ช่องนี้เป็นช่องที่เราจะทำการใช้งานหรือทำการเซ็ตการ์ดเวทย์มนต์หรือกับดัก โดยจะสามารถวางได้สูงสุด 5 ใบ หากช่อง Spell and Trap Zone เต็ม 5 ช่องแล้วเราจะไม่สามารถใช้งานเวทย์มนต์จากบนมือได้ เนื่องจากการ์ดเวทย์มนต์ตอนใช้งานจำเป็นต้องวางลงไปบนช่อง Spell and Trap Card Zone นี่เอง
3. Graveyard (สุสาน)

เมื่อมอนสเตอร์ถูกทำลาย หรือ มีการใช้งานของการ์ดเวทย์มนต์กับดัก จะต้องนำการ์ดเหล่านั้นลงบนช่องนี้ เราและคู่ต่อสู้สามารถทำการตรวจเช็คสุสานของอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ โดยลำดับของการ์ดในสุสานจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงได้
4. Deck Zone (เด็ค โซน)

เด็คของเราจะถูกวางไว้บนช่องนี้ในสภาพคว่ำหน้า ผู้เล่นจะทำการจั่วการ์ดจากกองนี้ หากมีเอฟเฟคการ์ดที่ส่งผล ให้แสดงการ์ดในเด็คหรือมีการค้นหาการ์ดจากในเด็ค ให้ทำการสับหลังจากทำการกระทำนั้นๆเสร็จสิ้นแล้ว จากนั้นให้นำไปวางในช่องนี้ตามเดิมในสภาพคว่ำ
5. Field Card Zone (ฟีลด์การ์ด โซน)

การ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์จะถูกวางไว้บนช่องนี้ การ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์สามารถมีอยู่ได้แค่เพียง 1 ใบในสนามโดยนับรวมสนามของคู่ต่อสู้ด้วย หากมีการ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์ถูกใช้งานในขณะที่มีการ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์อยู่บนสนาม การ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์ใบที่อยู่บนสนามใบก่อนจะถูกทำลายโดยอัตโนมัติ (การ์ดเวทย์มนต์ฟีลด์เป็นอีกส่วนของโซนเวทย์มนต์กับดักซึ่งไม่นับเป็นช่องเดียวกัน)
6. Extra Deck Zone (เอ็คซ์ตร้าเด็ค โซน)

การ์ดในเอ็คซ์ตร้าเด็คจะถูกนำวางไว้บนช่องนี้ในสภาพคว่ำหน้า เราจะสามารถดูการ์ดในเอ็คซ์ตร้าเด็คของตนเองได้ตลอดการดูเอล โดยที่การ์ดในเอ็คซ์ตร้าเด็คจะประกอบด้วย มอนสเตอร์ฟิวชั่น และ มอนสเตอร์ซิงโครโดยเอ็คซ์ตร้าเด็คนี้จะมีการ์ดอยู่ได้สูงสุดรวม 15 ใบเท่านั้น
Monster Card Information (รายละเอียดภายในการ์ดมอนสเตอร์)

1. Card Name (ชื่อการ์ด) ส่วนที่บ่งบอกชื่อของการ์ด การ์ดที่มีชื่อเหมือนกันจะถือว่าเป็นใบเดียวกัน แม้ว่าจะรูปภาพต่างกันก็ตาม
2. Level (เลเวล) เลเวลของมอนสเตอร์นั้นจะนับตามจำนวนดาวที่ปรากฏบนตัวการ์ด และเลเวลของมอนสเตอร์นั้นจะมีผลต่อการอัญเชิญ, การซิงโคร หรือเกี่ยวข้องกับเอฟเฟคของการ์ดต่างๆ
3. Attribute (ธาตุ) ธาตุมอนสเตอร์มีทั้งหมด 7 ธาตุ ซึ่งธาตุของมอนสเตอร์นั้นจะเกี่ยวข้องกับเอฟเฟคของการ์ดบางชนิด ธาตุของมอนสเตอร์จะประกอบด้วย

4. Type (เผ่า) มอนสเตอร์ในแต่ละตัวนั้นจะมีเผ่าพันธุ์กำกับไว้ด้วยเสมอ ซึ่งเผ่าของมอนสเตอร์นั้นจะเกี่ยวข้องกับเอฟเฟคการ์ดบางชนิด เผ่าของมอนสเตอร์มีทั้งหมด 22 ชนิดประกอบด้วย

5. Card Number หมายเลขลำดับของการ์ดในแต่ละรุ่น
6. ATK and DEF (พลังโจมตีและพลังป้องกัน) ATK คือค่าพลังโจมตีของมอนสเตอร์ และ DEF คือค่าพลังป้องกันของมอนสเตอร์
7. Card Description (คำอธิบายในการ์ด) เอฟเฟคของการ์ดต่างๆจะถูกเขียนไว้ตรงนี้ โดยจะอธิบายถึงความสามารถพิเศษต่างๆ รวมถึงวิธีการใช้งานต่างๆ ในส่วนของ มอนสเตอร์ปกติจะเป็นคำบรรยายแทน
ประเภทของการ์ดยูกิโอ
Monster Card (มอนสเตอร์การ์ด)
มอนสเตอร์ถือเป็นปัจจัยสำคัญของการ์ดเกมนี้ ซึ่งมีไว้ใช้ทำการต่อสู้หรือใช้ความพิเศษต่างๆ เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ โดยมอนสเตอร์จะมีประเภทต่างๆ ดังนี้
1. Normal Monster (มอนสเตอร์ปกติ)

มอนสเตอร์ประเภทนี้เป็นมอนสเตอร์แบบพื้นฐานที่ไม่มีความสามารถพิเศษติดตัว แต่อย่างไรก็ดีมอนสเตอร์ปกติบางตัวก็มีเอฟเฟคการ์ดต่างๆ คอยสนับสนุนอยู่เป็นจำนวนมาก
2. Effect Monster (มอนสเตอร์เอฟเฟค)

มอนสเตอร์ที่มีความสามารถพิเศษ เอฟเฟคของมอนสเตอร์เหล่านี้จะถูกแบ่งเป็น 6 ประเภทดังนี้
• Reverse Effect (เอฟเฟครีเวิรส)

เอฟเฟคประเภทนี้จะสามารถใช้งานได้ก็ต่อเมื่อ มอนสเตอร์รีเวิรสอยู่ในสภาพป้องกันคว่ำหน้าถูกเปลี่ยนเป็นสภาพหงายหน้ายกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ควบคุมอัญเชิญมอนสเตอร์แบบหงายหน้า, ถูกมอนสเตอร์คู่ต่อสู้โจมตีจากสภาพป้องกันคว่ำหน้าหรือจากเอฟเฟคการ์ดต่างๆ เป็นต้น
• Continuous Effect (เอฟเฟคต่อเนื่อง)

มอนสเตอร์เอฟเฟคประเภทเอฟเฟคต่อเนื่องนี้จะทำงานด้วยตัวของมันเองตลอดตราบจนมันหงายหน้าคงอยู่บนฟีลด์เอฟเฟคของมอนสเตอร์ประเภทนี้ จะเริ่มต้นตั้งแต่ตัวมันหงายหน้าอยู่บนฟีลด์และเช่นกันเอฟเฟคของมันจะหายไปก็ตราบเมื่อตัวมันไม่หงายหน้าคงเหลือไว้ในสนามแล้วนั่นเอง
• Ignition Effect (เอฟเฟคสั่งใช้งาน)

ช่วงเวลาการใช้งานของมอนสเตอร์ประเภทนี้จะอยู่ในช่วงเมนเฟสของเรา โดยเอฟเฟคประเภทนี้บางชนิดจำเป็นต้องจ่ายค่าคอสท์ ในการใช้งานด้วย (เช่นการจ่ายไลฟ์พ็อยต์, การทิ้งการ์ด, หรือการนำการ์ดในสุสานออกจากเกมเป็นต้น)
• Trigger Effect (เอฟเฟคทริกเกอร์)

เอฟเฟคของมอนสเตอร์ประเภทนี้จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อ ถึงช่วงระยะเวลาที่มันกำหนดไว้ว่าจะออกผลตอนไหนได้เกิดขึ้นใน ณ เวลานั้น เช่น เมื่อการ์ดใบนี้ถูกทำลายจากการต่อสู้, เมื่อถึงตอนสแตนด์บายเฟสของเรา หรือ เมื่อเราอัญเชิญการ์ดใบนี้สำเร็จ เป็นต้น
• Quick Effect (เอฟเฟคควิก)

เอฟเฟคของมอนสเตอร์ประเภทนี้สามารถใช้งานในเทิร์นของคู่ต่อสู้ได้ โดยเอฟเฟคประเภทนี้จะถือว่ามีความเร็ว Speed 2 ซึ่งจะมีความเร็วของ Spell Speed มากกว่าเอฟเฟคมอนสเตอร์ประเภทอื่นๆ
• Rule Effect (เอฟเฟครูล)

เอฟเฟคมอนสเตอร์ประเภทนี้จะถูกนับว่าเป็นกฎของการเล่น ซึ่งโดยส่วนมากแล้วเอฟเฟคประเภทนี้จะไม่สามารถถูกทำให้ไร้ผลได้
3. Synchro Monsters (มอนสเตอร์ซิงโคร)

มอนสเตอร์ซิงโครนั้นจะอยู่ในเอ็คซตร้าเด็คของเรา เราสามารถอัญเชิญแบบพิเศษ โดยมอนสเตอร์ประเภทนี้โดยการนำมอนสเตอร์ที่เป็น จูนเนอร์ ทำการรวมร่างกับมอนสเตอร์ในสนามของเรากี่ตัวก็ได้ ให้เลเวลเท่ากับมอนสเตอร์ซิงโครที่เราจะทำการอัญเชิญ (มอนสเตอร์ซิงโครบางชนิดอาจจะต้องการวัตถุดิบในการซิงโครเฉพาะตัว)
* How to Synchro Summon (วิธีการอัญเชิญแบบซิงโคร) *
ในช่วงเมนเฟสของเรา เราสามารถที่จะประกาศการอัญเชิญมอนสเตอร์แบบซิงโครได้ โดยเมื่อเรามีมอนสเตอร์จูนเนอร์และมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ กี่ตัวก็ได้ในสภาพหงายหน้าอยู่และมีผลรวมของเลเวลเท่ากับ (ห้ามขาดห้ามเกิน) มอนสเตอร์ซิงโคร ที่เราจะทำการอัญเชิญหลังจากระบุจำนวนมอนสเตอร์ที่จะทำการซิงโครได้แล้ว นำมอนสเตอร์ที่เป็นวัตถุดิบในการซิงโครส่งลงสุสานทั้งหมด หลังจากนำมอนสเตอร์ที่เป็นวัตถุดิบในการซิงโครลงสุสานเรียบร้อยแล้ว นำมอนสเตอร์ซิงโครที่เราระบุไว้มาอัญเชิญแบบพิเศษลงสู่สนามในสภาพหงายหน้าตั้งโจมตีหรือหงายหน้าตั้งป้องกันได้

4. Fusion Monster (มอนสเตอร์ฟิวชั่น)

มอนสเตอร์ฟิวชั่นจะถูกบรรจุอยู่ในเอ็คซ์ตร้าเด็คของเราเช่นกัน สามารถอัญเชิญแบบพิเศษโดยนำมอนสเตอร์ที่เป็นวัตถุดิบในการฟิวชั่นตามที่ระบุไว้ในตัวของมอนสเตอร์ฟิวชั่นตัวที่จะทำการอัญเชิญ มารวมร่างกันโดยใช้การ์ด รวมร่าง หรือเอฟเฟคการ์ดอื่นๆที่สามารถทำให้มอนสเตอร์ฟิวชั่นกันได้
5. Ritual Summon (มอนสเตอร์พิธีกรรม)

มอนสเตอร์พิธีกรรมจะบรรจุอยู่ในเมนเด็คของเรา วิธีอัญเชิญมอนสเตอร์พิธีกรรมนั้น จำเป็นต้องมีการ์ดเวทย์มนต์พิธีกรรมเฉพาะของมอนสเตอร์พิธีกรรมตัวที่เราจะทำการอัญเชิญ หรือมีเอฟเฟคการ์ดอื่นๆที่สามารถอัญเชิญแบบพิเศษมันได้
* Summoning Monsters Cards (อัญเชิญมอนสเตอร์) *
มีหลากหลายวิธีการสำหรับการอัญเชิญมอนสเตอร์สู่สนาม ซึ่งมี 3 วิธีหลักๆ ดังนี้
• Normal Summon (อัญเชิญแบบปกติ)
การอัญเชิญแบบปกตินี้เป็นการอัญเชิญแบบพื้นฐานที่สุดโดยการนำมอนสเตอร์มอนสเตอร์บนมือของเราลงสู่สนามในสภาพหงายหน้าตั้งโจมตี ส่วนสำหรับมอนสเตอร์ที่มีเลเวล 5 ดาวขึ้นไปนั้น เราจะต้องทำการรีลีสมอนสเตอร์ที่อยู่บนสนามของเราซะก่อนจึงจะทำการอัญเชิญได้ ซึ่งการอัญเชิญแบบวิธีนี้มีชื่อเรียกว่า การอัญเชิญแบบแอดวานซ์
* Advance Summon (อัญเชิญแบบแอดวานซ์) *
- มอนสเตอร์ที่มีเลเวลตั้งแต่ 5-6 เราต้องทำการรีลีสมอนสเตอร์บนสนามของเราจำนวน 1 ตัว
- มอนสเตอร์ที่มีเลเวลตั้งแต่ 7 ขึ้นไป เราต้องทำการรีลีสมอนสเตอร์บนสนามของเราจำนวน 2 ตัว
Set (เซ็ต) เราสามารถนำมอนสเตอร์จากบนมือของเราลงสู่สนามในสภาพป้องกันคว่ำหน้าได้ โดยวิธีนี้จะมีชื่อเรียกว่า การเซ็ต (การอัญเชิญแบบแอดวานซ์สามารถลงมาในสภาพเซ็ตด้วยเช่นกัน) แต่ถึงอย่างไรในเทิร์นที่เราทำการเซ็ตมอนสเตอร์แล้ว เราก็ไม่สามารถที่จะทำการอัญเชิญมอนสเตอร์แบบปกติ ได้อีกเช่นกัน
• Flip Summon (อัญเชิญแบบพลิกหงาย)
เราสามารถเปลี่ยนมอนสเตอร์ในรูปแบบป้องกันคว่ำหน้าเป็นสภาพหงายหน้าตั้งโจมตีได้ โดยการกระทำในรูปแบบที่ว่านี้มีชื่อเรียกว่า การอัญเชิญแบบพลิกหงาย ซึ่งเราสามารถทำการอัญเชิญแบบพลิกหงายได้มากกว่า 1 ครั้งใน 1 การเทิร์น แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนมอนสเตอร์ที่เพิ่งจะทำการเซ็ตในเทิร์นนั้นๆ ได้
• Special Summon (อัญเชิญแบบพิเศษ)
มอนสเตอร์บางชนิดจะสามารถลงมาสู่สนามโดยไม่ใช้วิธีการอัญเชิญแบบปกติ หรือ การอัญเชิญแบบพลิกหงาย ซึ่งการอัญเชิญแบบพิเศษนี้จะสามารถทำได้เกิน 1 ครั้ง ต่อ 1 การเทิร์น และสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นสภาพหงายหน้าตั้งโจมตีหรือหงายหน้าตั้งป้องกัน ซึ่งการอัญเชิญแบบซิงโคร, การอัญเชิญแบบฟิวชั่น หรือ การอัญเชิญแบบพิธีกรรม ล้วนแล้วจะนับว่าเป็นการอัญเชิญแบบพิเศษทั้งสิ้น